จาซินดา อาร์เดิร์น (Jacinda Ardern) นายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศนิวซีแลนด์ ได้ออกคำสั่งล็อกดาวน์ทั้วทั้งประเทศ หลังได้ตรวจเจอผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย ซึ่งมันเป็นการพบเจอผู้ติดเชื้อของโรคโควิดที่เป็นรายแรกในรอบ 6 เดือน โดยผู้นำประเทศวัย 41 ปี ยืนยันว่า เธอจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อหยุดยั้งการแพร่เชื้อที่อาจลุกลามอย่างรวดเร็วได้
จาซินดา อาร์เดิร์น ลั่น ใช้มาตรการเข้มงวดแล้วค่อยลดระดับดีกว่าปล่อยให้เชื้อแพร่กระจาย

เมื่อวันอังคารที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันพุธที่ 18 สิงหาคม ถึงวันอังคารที่ 24 สิงหาคม หลังมีการได้ตรวจพบเจอผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย ซึ่งมันเป็นการที่ได้พบเจอผู้ติดเชื้อโรคในของประเทศรายรอบในรอบ 6 เดือน โดยผู้ติดเชื้อรายดังกล่าวเป็นชายวัย 58 ปี จากเมืองโอคแลนด์ ที่ได้รับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งผู้นำวัย 41 ปี ได้มีการยืนยันว่า เธอจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการของควบคุมโรคสูงสุด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้นิวซีแลนด์นั้นเกิดการระบาดรุนแรงเหมือนประเทศอื่น ๆ

จาซินดา อาร์เดิร์นแถลงว่า “วิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะสิ่งนี้ก็คือ เราต้องปฏิบัติการอย่างเข้มงวด เราจึงตัดสินใจว่า มันจะดีกว่าหากเราเริ่มต้นด้วยมาตรการที่สูงและค่อย ๆ ลดลงมา ดีกว่าเริ่มต้นต่ำ แต่ไม่สามารถควบคุมไวรัสจนต้องมองมันแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว”

แม้ว่ามาตรการล็อกดาวน์ทั้งประเทศอย่างกะทันหันจะทำให้เกิดเป็นผลที่กระทบต่อประชาชนทั้งในเรื่องของการเตรียมสิ่งจำเป็นสำหรับช่วงล็อกดาวน์ รวมถึงธุรกิจร้านค้า, โรงเรียน, สำนักงานต่าง ๆ ที่ต้องปิดกะทันหัน โดยมีเพียงบริการสำคัญ ๆ บางอย่างเท่านั้น เช่น สถานีตำรวจ, สถานีดับเพลิง, โรงพยาบาล ฯลฯ ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดทำการได้ แต่ทางด้านนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เชื่อว่า ทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นภายใน 1 – 2 สัปดาห์ต่อจากนี้ หากมาตรการล็อกดาวน์สามารถตัดตอนการแพร่เชื้อได้สำเร็จ
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ประเทศนิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทั้งหมด 2,500 ราย และมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 26 ราย
หากคุณคือคอข่าว ข่าวรอบวัน ทันเหตุการณ์ ข่าวเด่น ประเด่นร้อน เว็บไซต์เราได้นำมาอัพเดทให้คุณได้รับรุ้ข่าวสาร ที่นี้ได้ทุกวันก่อนใคร